โลกสีเทาของป๊อบ ปองกูล กับมุมมองใหม่หลังเจอมรสุมชีวิต

ถึงแม้ภาพลักษณ์ภายนอกอาจทำให้เราตีความว่าป๊อบ-ปองกูล สืบซึ้ง คือนักร้องเสียงคุณภาพอารมณ์ดี มีความปากจัดแบบพอสร้างอรรถรส! แต่ถ้าได้ลองขยับเข้าใกล้เขาอีกนิดจะพบว่าภายใต้รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ เขาเป็นคนมีตรรกะ รู้จักตัวเอง มีความจริงจัง ใส่ใจในรายละเอียดที่สำคัญป๊อบรับทั้งความผิดและความชอบได้ในทุกการกระทำของตัวเอง

หลังจากเผชิญเรื่องใหญ่ที่เป็นข่าวดังทั้งโลกออฟไลน์ และออนไลน์เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว ป๊อบเดินหน้าเคลียร์ปัญหาก้อนโตจนเสร็จเรียบร้อยในขณะเดียวกันก็รู้สึกเป็นมิตรกับโลกมากขึ้นเมื่อได้เห็นความรักที่คนรอบข้างส่งมาให้อย่างท่วมท้น

รีวิวมนุษย์ชื่อป๊อบ ปองกูล

“ถ้าพูดถึงลักษณะกายภาพ ผมเป็นเด็กอ้วนคนหนึ่ง โตมาก็เป็นคนที่อ้วนคนหนึ่ง พรสวรรค์ของป๊อบ ปองกูล ก็คือเขาเป็นคนกินทุกอย่างได้ เวลาเดียวที่จะไม่กินก็คือรู้สึกผิดต่อตัวเอง ถ้ามีพรวิเศษว่ากินยังไงไม่ให้อ้วน ผมสามารถกินได้อยู่ตลอดเวลาเลยนะเท่าที่ศักยภาพร่างกายผมไปได้ นี่คือทางกายภาพนะครับ แต่ถ้าเป็นทางจิตใจ ผมเคยสัมภาษณ์ไว้ 7-8 ปี และก็ยังเป็นเหมือนเดิม คือผมเป็นคนเทาๆ จะให้ผมตัดสินตัวเองว่าเป็นมนุษย์ที่เลว ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวผมเลวขนาดนั้น แต่จะบอกว่าเป็นคนที่ดี ก็บอกแบบนั้นไม่ได้เหมือนกัน ส่วนเรื่องที่อยากปรับปรุงหรืออยากทำให้ดีขึ้นกว่าเดิม ผมว่าอาจเป็นสิ่งที่ต้องทำทุกวันด้วยซ้ำ”

นักร้องอาจไม่ใช่อาชีพในฝัน แต่วันนี้คือชีวิตจริง

“ตอนเรียนจบมหาวิทยาลัยมาแล้ว ผมยังถามตัวเองอยู่เลยว่าอยากเป็นอะไรในชีวิต การเป็นนักร้องสำหรับผมคือเริ่มจากความฟลุค มีวันนึงวิน แคลอรี่ส์ บลาห์ บลาห์ ชวนไปเล่นดนตรีตอนกลางคืน ตอนนั้นพอเราได้เงินมาก็รู้สึกว่า ต้องทำให้คุ้มเงินของเขา กลับมาก็เริ่มซ้อม เริ่มทำเริ่มมีทักษะ แต่พอจบปี 4 ก็รู้สึกว่าเราไม่เหมาะกับการเป็นนักร้องหรอก ตอนนั้นนักร้องต้องมีภาพลักษณ์ที่ดี จนเข้ามากรุงเทพฯ ผมไปสมัครงาน ก็ไม่เคยมีใครเรียก กระทั่งวินโทรมาตามให้ไปลองออดิชั่นที่ร้านในกรุงเทพฯ ผมก็ปฏิเสธมาตลอด เพราะรู้สึกว่ามันไม่โต จนวันหนึ่งไปงานบวชเพื่อนและกำลังสนุกสนานกับเพื่อนอยู่ วินก็โทรมาอีก ผมก็ให้เพื่อนอีกคนรับสาย และให้บอกวินว่าไม่ไปออดิชั่น ซึ่งในสายวินถามมาว่าวันอาทิตย์ว่างไหม มีออดิชั่นที่กรุงเทพฯเพื่อนผมก็ดันบอกว่าได้ เดี๋ยวบอกให้ พอมันรับปากไปแล้ว เราก็เลยต้องไป แล้วก็เริ่มได้เข้ามาอยู่ในวงการเล็กๆ เข้ามาเรื่อยๆ ตอนนั้นคือก่อนช่วงเฟิร์สสเตจครับ คือพอเราไปเล่นดนตรีในร้าน ดีเจเขารู้จักคนที่กำลังทำรายการใหม่ที่ชื่อเฟิร์สสเตจโชว์ เขาก็เลยดึงไปประกวด จากเวทีเฟิร์สสเตจโชว์ จนถึงวันนี้ผมโตขึ้นมากครับ เรารู้แล้วว่าวันนี้เราทำสิ่งนี้ไปเพื่ออะไร

เรื่องที่คนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับตัวป๊อบ

“คนมักเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นนักร้องที่เก่งครับ จริงๆ ถ้าคนทำงานกับผม จะรู้ว่าผมไม่ได้เป็นคนเก่ง แต่ว่าผมพยายาม คือในห้องอัด ผมไม่เคยอยู่กับมันต่ำกว่า 3 ชั่วโมง คือต้องเอาให้ได้ ปั้นให้ได้ เรื่องหนึ่งในการร้องเพลงที่ผมอยากปรับปรุงคือพื้นฐานการร้องเพลงครับ รู้สึกว่าผมเป็นคนไม่มีเบสิก เป็นคนร้องเพลงโดยความรู้สึก เราเป็นคนเบสิกน้อยและคอนโทรลมันได้ยาก ผมถึงเป็นนักร้องที่ไม่ใช่สายดิว่าที่คนจะรู้สึกว่าอยากร้องเพลงเก่งแบบป๊อบ ปองกูล ในฝั่งของผม ผมรู้สึกว่าผมทำได้ดีในการถ่ายทอดเรื่องราวของมันมากกว่า”

ห้องอัดคือพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัย

“ผมเป็นคนเซนสิทีฟกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เวลาอยู่ในห้องอัดครับ ผมรู้สึกว่าที่นี่เป็นพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัยสำหรับผมน่ะ แต่ถ้าอยู่บนเวทีก็อีกเรื่องเลย ที่นั่นผมรู้สึกว่าเป็นพื้นที่ที่ผมคอนโทรลได้ทุกอย่าง เวลาอยู่บนเวทีผมร้องของผมได้ แต่ถ้าพาผมไปอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ มืดๆ เย็นๆ ไม่ได้ละ เพราะผมคิดว่าทุกอย่างที่ออกมาจากห้องอัดตรงนั้นมันต้องเพอร์เฟกต์ เวลาอยู่ในห้องอัด ผมจะคิดว่าคนฟังจะชอบไหมนะแบบนี้ เขาจะรู้สึกว่าเราประดิษฐ์ไหม จะเชื่อที่เราพูดไหม ผมว่าเราคุยกับสิ่งที่เราไม่เห็น แต่ถ้าอยู่บนเวที เราพูดแบบนี้ เขานิ่ง เขาไม่ชอบ เราเปลี่ยนได้เลยเราแก้ไขตัวเองได้ เรามีปฏิสัมพันธ์กับคนได้ ความเซนสิทีฟนี้ผมเลยเป็นเฉพาะในห้องอัดครับ”

ภาพลักษณ์ภายนอก & ตัวจริงที่เป็น

“ตั้งแต่เกิดมาผมเป็นคนมี self-esteem เราโอเคกับตัวเอง ไม่เคยรู้สึกแย่หรือต่ำต้อย แต่ตอนที่ร้องเพลงคนไม่เข้าตา ผมก็พยายามทำให้ดีที่สุด พอฟังก็เพราะดี แต่วันหนึ่งที่เพลงมันปล่อยไปทางคลื่น 94 (ตอนนั้นยังไม่ใช่ EFM) เป็นช่วงดีเจพี่อ้อม ก็มีคนโทรเข้าไปเสียงสั่นๆ ถามว่าเพลงเมื่อกี้เพลงอะไร เขาบอกว่านี่คือเพลงของเขาเลย ตอนนั้นผมกลับมามองตัวเองเลยว่าในขณะที่เราทำด้วยแอดติจูดที่เราไม่รู้สึกอะไร แต่สำหรับคนที่เสพเข้าไปมันกลายเป็นส่วนหนึ่งในดีเอ็นเอของเขา เรารู้สึกว่าถ้าเราเป็นพ่อครัว ก็ต้องตั้งใจให้ดีกว่านี้ ไม่งั้นเขาจะกินหรือเสพอะไรเขาจะคิดอะไร มันเป็นความผิดบาปของผม เป็นความรู้สึกแรกที่รู้สึกว่าผมคือศิลปินและหลังจากจบแคลอรี่ส์ บลาห์ บลาห์ ผมก็เริ่มเข้าไปสู่ฟังก์ชันการผลิตมากขึ้น ผมยังเคยคุยกับพี่อาม เจ้าของค่ายไวท์มิวสิก ที่ตอนนั้นยังไม่มีค่ายไวท์มิวสิคว่า พี่ ผมแก่แล้ว ผมร้องเพลงเพราะอย่างเดียวไม่ได้แล้ว เพลงอยากรู้ไม่อยากถาม หรือเพลงคนไม่เข้าตา ผมทำไม่ได้แล้ว สิ่งที่ผมทำน่าจะเป็นอะไรที่เหมาะสมกับอายุกับความคิดผมตอนนี้ เพราะฉะนั้นเพลงภาพจำ เพลงปิดประตูหรือเพลงที่เกิดหลังจากยุคนั้นจนถึงปัจจุบัน จึงเป็นเพลงที่ผมจะนั่งคิดก่อนว่าผมจะพูดเรื่องอะไรแล้วทำมันออกมา”

ความสุขของโลกใบใหม่

“ความรักเคยเป็นเรื่องยากสำหรับผม นั่นเพราะว่าเราไม่เข้าใจสิ่งนี้ มองแต่ว่าสิ่งที่ทำอยู่ คือการทำให้คนมีความสุข ซึ่งพอในช่วงอายุหนึ่งที่ผ่านอะไรมาและเราเข้าใจแล้วว่าความรักจริงๆ คือแบบนี้ ไม่ได้สดชื่น สดใสขนาดนั้น แต่อยู่กับมันแล้วอบอุ่น อยู่กับมันแล้วไม่รู้สึกอึดอัด ผมยังบอกกับเพื่อนๆ และน้องๆ หลายคนว่า ความรักเป็นสิ่งที่มันต้องมี ไม่ว่าจะในรูปแบบไหนก็ตามซึ่งช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา อาจเกิดเรื่องยุ่งเหยิงเกี่ยวกับชีวิตความรักของผม และผมได้มีโอกาสกลับไปแก้ไขในสิ่งที่สื่อหรือใครไม่รู้ ทำให้ผมรู้สึกดีกับตัวเองและดีกับโลกนี้มากขึ้น ผมสามารถไปเจอใครก็ได้โดยที่เราไม่ต้องมีความรู้สึกผิดอะไรแล้ว ผมรู้สึกว่าโลกใบนี้ยังให้โอกาส แน่นอนว่าผมตั้งใจในการแก้ไขปัญหานี้เพราะเป็นเรื่องใหญ่มาก และด้วยความที่มันใหญ่มาก มันเลยจบ สามารถเคลียร์โดยใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ หลังจากนั้นก็เก็บความรู้สึกรายละเอียด เพราะเราก็ค่อนข้างแคร์กับคนรอบข้าง บอกตามตรงว่ามันเป็นเรื่องที่พูดยากเพราะพูดแล้ว คนดู คนฟัง เขาก็ตัดสินมันอีกแบบหนึ่ง ฉะนั้นตรงนี้ก็จะติดๆ ขัดๆ เพราะผมไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมพูดไป คุณจะแปลความมันว่าอย่างไร จะแปลว่าผมพูดเพื่อให้ตัวเองดูดีหรือเปล่า แต่สิ่งที่ผมรู้สึกกับมันจริงๆ คือ ทุกวันนี้มันดี ดีในการที่เรารู้สึกว่าเราเจอโลกใบหนึ่งที่ให้อภัยในสิ่งที่เราทำได้

วงกลมแห่งความรัก

“คนที่ทำให้ผมผ่านเรื่องนี้ไปได้คือทุกคนที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ครับ ผมโชคดีที่อยู่ในวงกลมที่มีแต่คนที่เรารัก และรักเรา ก็เลยทำให้ค่อยๆ พยุงกันไปได้ ช่วงเกิดมรสุมชีวิตตอนนั้น ทุกคนในวงกลมโดนหมด จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ไวท์มิวสิก เพื่อน ทุกคนจะต้องโดนสัมภาษณ์เรื่องผม แล้วก็พังกันไปหมด และในตอนที่พยุงกันขึ้นมา ผมก็รู้สึกว่า จริงๆ แล้วพวกเขาไม่จำเป็นจะต้องมาดีกับเราหรือพยุงเราขึ้นด้วยซ้ำ จากเหตุการณ์นี้ ผมลืมไปเลยว่าก่อนหน้านี้เคยแค้นใคร หรือรู้สึกเคยแย่กับใคร เพราะว่าหลังจากเรื่องนั้น มีหลายคนที่ผมต้องไปทดแทนบุญคุณมากกว่าจะไปนั่งทำเรื่องแก้แค้น ต่อให้คนด่าผมเป็นล้าน ก็ยังมีคนไม่กี่คนที่ผมรู้สึกว่านี่คือคนที่ช่วยชีวิตเราได้จริงๆ”

ความถูกและความผิดในมุมของมนุษย์แบบป๊อบ ปองกูล ในวัยใกล้เลข 4

“ถ้าเป็นเมื่อก่อน เวลาทำผิด เราก็จะพยายามกลบมัน แต่ความผิดมันจะยังมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลังๆ เวลามีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ผมคุยเลย คุยกันหมด เพราะเป็นคนที่ไม่เข้าข้างตัวเองเท่าไรถ้าเราผิด เราก็จะรู้ กล้าขอโทษ กล้าที่จะขอบคุณ ในวัยใกล้ 40 ผมพูดคำว่าขอโทษ ขอบคุณ ยิ้มหัวเราะ มากขึ้นกว่าช่วงอายุ 35-38 ด้วยซ้ำ เพราะรู้สึกว่าคนที่เราเจอในชีวิตตอนนี้เป็นคนที่ดึงให้เราอยู่บนโลกที่มันสวยงาม เมื่อก่อนผมมองโลกที่สวยงามเป็นนามธรรม แต่คนเหล่านี้ที่เราเจอ เขาทำให้เป็นรูปธรรม จับต้องได้ โลกจะสวยงาม คุณไม่มีทางสัมผัสมันได้เลย ถ้าคุณดูมาจากกูเกิ้ล คนเหล่านี้ที่เดินเข้ามาถึงแล้วถามเราว่าเหนื่อยไหม ชอบเพลงนะ คนที่ส่งข้อความเข้ามาในไอจีผมว่าบทเพลงพี่เพิ่งช่วยชีวิตผมไว้เมื่อกี้นี้ ผมรู้สึกว่านี่ล่ะเป็นรูปธรรมสำหรับผม และสิ่งที่ผมทำ มันเกิดผล ผมก็รู้สึกว่ามีความสุขกับการเป็นศิลปิน ถ้าถามว่าวันนี้ผมทำเพลงด้วยแรงผลักดันไหน ผมทำเพราะมีเรื่องที่ผมอยากเล่า ทำเพื่อชื่อเสียงของผม ทำเพื่อเงินทอง หรือทำเพื่ออะไรก็แล้วแต่ แต่ว่าสุดท้ายแล้ว ผมทำมันให้คุ้มค่า ถ้าผมเป็นพ่อครัว ผมเลือกวัตถุดิบที่ดีที่สุด ถ้าคุณกินแล้วคุณชอบมัน คุณบอกมา ผมก็รู้สึกดีครับ”

“มนุษย์เอ๋ย” คือ DNA ของป๊อบ

“เมื่อไม่นานมานี้เพิ่งปล่อยเพลงมนุษย์เอ๋ยออกมา เพลงทุกเพลงของผมตอนนี้ออกมาจากสิ่งที่ผมรู้สึกครับ อย่างเพลงนี้ก็เหมือนกับว่าธรรมชาติให้คนขับเรือที่ชื่อสมองกับหัวใจเรามา ทั้งคู่แย่งกันขับตลอดเวลา สมองบอกทางนี้ไปได้ ขณะที่หัวใจบอกว่าไม่ถูก ซึ่งแค่ไอเดียนี้ เราก็สนุกแล้ว ‘ข้าว’ คนที่เขียนเพลงนี้ เขาก็ติดซีรีส์ชื่อ Goblin เขาบอกว่าตัวยมทูต เวลามองมาที่มนุษย์เห็นกิจกรรมหรือความรู้สึกบางอย่างที่มนุษย์แล้วจะรู้สึกว่าทำอะไรอยู่ ทำไมรักถึงไม่บอกรัก ชอบไม่บอกชอบ เกลียดก็ไม่บอกเกลียด อยากให้เขาหยุด ทำไมไม่บอกให้เขาหยุด ก็เลยร่วมแชร์ออกมาเป็นไอเดียเพลงนี้ครับ”

อีกผลงานล่าสุดของป๊อบ ปองกูล คือเพลง Undo ที่ฟีเจอริงกับวันเดอร์เฟรม ซึ่งเป็นหนึ่งในโปรเจ็กต์ JOOX Original Album “100×100 SEASON 2 ใช้เวลาเพียงไม่นาน ยอดวิวก็พุ่งขึ้นกว่า 6,000,000 วิวแล้ว


ติดตามเรื่องราวของ someonestory.co ได้ที่

Web : www.someonestory.co
Facebook : www.facebook.com/SomeoneStory.co/
Instagram : www.instagram.com/someonestory.co/
Youtube : www.youtube.com/channel/UCnm6Li8Brk1QCyb9lBHrMEA
Twitter : www.twitter.com/someonestoryco

About the author

+ posts

0%