เจ้านาย จินเจษฎ์ “พ่อกับแม่ไม่ได้เลี้ยงผมให้มองความดังเป็นสิ่งแรก”

ชีวิตในแสงสปอตไลต์ของเจ้านาย-จินเจษฎ์ วรรธนะสิน ดูจะเป็นแสงแห่งความอบอุ่นและแรงบันดาลใจให้เขาค้นพบความชอบของตัวเองได้ในเวลาอันรวดเร็ว ภาพของเด็กที่ทั้งซนทั้งแสบในวัยเด็กกลับกลายมาเป็นเด็กหนุ่มวัย 19 ที่ดูโตกว่าอายุ “คงเพราะผมเริ่มทำงานตั้งแต่เด็กๆ ได้ทำงานร่วมกับคุณพ่อ (เจ-เจตริน วรรธนะสิน) คุณแม่ (ปิ่น-เก็จมณี วรรธนะสิน) และผู้ใหญ่ท่านอื่นๆ จนกลายเป็นการซึมซับท่าทางบางอย่างของเขามา” เจ้านายเล่าถึงสาเหตุที่ทำให้ดูโตเร็วกว่าเพื่อนในวัยเดียวกัน “ส่วนสาเหตุที่ทำให้ผมสนใจในเรื่องดนตรี จะให้ผมคิดคำตอบยังไง สุดท้ายก็กลับมาอยู่ที่คุณพ่อ ผมได้เห็นพ่อทำงานตั้งแต่ผมยังเด็ก มอบความสุขให้กับคนอื่นๆ ได้เห็นว่าดนตรีทำให้คนมีความสุข ในขณะเดียวกันพ่อก็มีวินัยในการทำงาน คือพอทำงานเสร็จก็กลับบ้าน ไม่มีการอยู่แฮงค์เอาต์ต่อ พ่อทำแบบนี้ให้ผมเห็นมาตลอด เลยเห็นว่าเป็นงานที่สนุกดีเหมือนกัน แล้วผมก็เอ็นจอยด้วยครับ”

ผมเป็นเด็กธรรมดาทั่วไป

การที่ผม เป็นลูกพ่อเจ แม่ปิ่น ไม่ได้หมายความว่าเราต้องทำให้คนอื่นเห็นแต่มุมดีๆ ของเราตลอดเวลา ในทางกลับกันพ่อกับแม่เลี้ยงผมมาแบบเด็กธรรมดาๆ คนหนึ่ง ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกว่าเป็นลูกดาราเลยครับ จะไปโรงเรียน ไปเดินห้าง ไปเที่ยวบ้านเพื่อนก็ไม่ได้ห้ามอะไร แต่การมาอยู่ตรงนี้ทำให้เราต้องคอยดูแลตัวเองมากกว่าเพราะมี คนคอยมองเรามากขึ้น อาจต้องเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับคนที่มองเรา แต่ไม่ใช่การสร้างภาพ โชคดีที่มีครอบครัวคอยดึงเรากลับมาไม่ให้ลืมตัวหรือเหลิงไป เพราะฉะนั้นผมเลยไม่ได้รู้สึกกดดันอะไรกับการเป็นลูกพ่อกับแม่ เพราะเขาไม่ได้เลี้ยงให้ผมมองความดังเป็นสิ่งแรก แต่เลี้ยงผมกับน้องมาแบบทำให้ผมดูครับ กฎเหล็ก 3 ข้อที่สอนเราคือ เป็นพี่น้องกัน ห้ามแย่งของเล่น ห้ามแย่งอาหาร และห้ามแย่งผู้หญิงครับ”

แฟมิลี่แมน

“ทุกคนในครอบครัวเราสนิทกันครับ มีอะไรก็จะบอกกันตลอด ผมมองว่าไม่จำเป็นต้องอ้อนพ่อกับแม่นะครับ แต่การที่อยู่กับเขาบ่อยๆ คุยกับเขาว่าชีวิตเราช่วงนี้มีอะไรบ้าง แล้วจะได้เห็นรอยยิ้มของพ่อกับแม่แบบออโตเมติกเลย เหมือนลูกมาอัพเดตชีวิตให้เขาได้เข้าไปอยู่ในนั้นด้วยซึ่งเป็นอะไรที่ผมก็แฮปปี้ด้วยนะครับ เวลาไปไหนก็จะบอกเขา พ่อกับแม่จะได้สบายใจ สมมติผมไปงานวันเกิดเพื่อนแล้วบอกพ่อ พ่อก็บอกว่าเต็มที่ลูก จะกลับกี่โมง เพราะตอนนี้ผมก็อายุ 19-20 แล้ว ต้องไปเจออะไรแบบนี้บ้าง พ่อแม่ผมก็เลี้ยงลูกมาแบบเพื่อน ก็เลยสบาย สำคัญคือเราต้องคุยกันครับ”

Big Brother

“มีหลายคนถามผมว่าทำไมถึงสนิทกับน้องได้ขนาดนี้ ผมก็มักตอบว่าผมแบ่งเป็นสองฝั่งคือความเป็นเพื่อน กับความเป็นพี่ ถ้าเขาไปแสบ ไปซ่ามา ผมจะคุยกับเขาด้วยความเป็นเพื่อนก่อน “เฮ้ย จริงหรือเปล่า” ขำๆ กันไปก่อน พอเบาลงแล้วก็ค่อยๆ เตือนว่า “อย่างนี้ไม่ดีหรือเปล่า” ทุกวันนี้เราคุยกันทุกเรื่องได้แล้วครับ เพราะขุนเขาเริ่มตามผมมาทันแล้ว จริงๆ ก่อนหน้านี้เราสามคนนอนห้องเดียวกันจนโต ตอนกลางคืนเราจะนอนมองเพดานด้วยกันทุกคืน เพิ่งจะมาแยกกันเมื่อ 3-4 ปีที่แล้วนี่เองครับ” 

การรับมือของครอบครัวสปอตไลต์

“เวลาที่มีเรื่องอะไรเข้ามาในครอบครัว เราจะมองว่าเป็นเรื่องอะไร ถ้าเป็นเรื่องความคิดเห็นของคนอื่นที่แน่นอนว่าก็ต้องมีคนที่ชอบและไม่ชอบเรา ก็ไม่ค่อยอะไรกัน แต่สิ่งที่เราจะขีดเส้นเอาไว้คือ “เรื่องที่ทำ เราผิดหรือเปล่า” ถ้าไม่ผิดก็ไม่จำเป็นต้องไปรีแอคกับมัน แต่ถ้าทำผิด หรือทำให้เขาเข้าใจผิดกัน ก็ควรออกมาพูดหรือไปคุยกับคนที่เราได้สร้างปัญหาแล้วมันจะจบครับ”

ความสุขของการให้

“ตอนผมไปเรียนที่อังกฤษ ผมได้ไปทำวีรกรรมบางอย่างจนโดนลงโทษให้กระทำความดี โดยเขาให้เลือกว่าจะประพฤติตัวอย่างไรให้ดีขึ้น ผมเลยตัดสินใจไปร้องเพลงที่บ้านพักคนชรา ตอนแรกก็ไปแบบเบื่อๆ แต่พอได้ร้องเพลงออกไป ผมก็ได้เห็นรอยยิ้มของผู้ใหญ่ที่เขาพักกันอยู่ที่นั่น พวกเขาก็นั่งปรบมือ แล้วก็ร้องเพลงตาม ผมร้องเพลงประมาณ Fly Me to The Moon ครับ ภาพตรงนั้นเป็นสิ่งที่ผมหาซื้อไม่ได้ ผมรู้สึกแฮปปี้มาก จากวันนั้นก็ไปอาทิตย์ละครั้ง ผมชอบเห็นคนมีความสุขครับ”

งานที่ทำให้เติบโต

“การเข้ามาเป็นหนึ่งในนักแสดงเรื่องฉลาดเกมส์โกง เดอะซีรีส์ ทำให้ผมมีความรับผิดชอบมากขึ้น การได้เจอคนทำงานที่มีเป้าหมายเดียวกันคืออยากให้ผลงานออกมาดีที่สุด ทุ่มเททุกอย่างทำให้เราอดทนมากขึ้นครับ ส่วนงานเพลงเป็นสิ่งที่ผมชอบและอยู่กับมันได้นาน ล่าสุดผมมีฟีเจอริงกับสาลี่ เพลงนะจุดจุดนี้ นักร้องหน้าใหม่ในค่าย Jaymidi ครับ อยากให้ทุกคนเปิดใจฟังกัน พวกเราสนุกมาก และเป็นหนึ่งในเพลงที่ผมแฮปปี้มากที่ได้ทำ นอกจากการทำเพลงจะเป็นการตอบโจทย์ความชอบของผม ยังสอนให้ผมฟิลเตอร์คอมเมนท์ให้ถูกต้องว่าเขาต้องการอะไร ติหรือชมเพื่ออะไร ทำให้เรารับมือได้ดีขึ้นด้วยครับ”

เจ้านายอีก 10 ปีข้างหน้า

“ผมคิดว่าอีก 10 ปีข้างหน้า ผมอยากเปิดสตูดิโอเพลงที่เป็นที่แฮงเอาต์ได้ครับ แล้วก็อยากทำเพลงที่ไม่ต้องคิดถึงอะไรเลย เช่น เงิน ผลตอบรับ ทำจากความสุขล้วนๆ และได้เสพความสุขจากมันจริงๆ แล้วเราก็อยู่ได้ด้วย และผมอยากมีเพลงสักอัลบั้ม เพราะว่าอยากพูดหลายอย่างมาก เพียงแต่ขอเวลาเรียบเรียงก่อน แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องงาน ผมอยากเจอผู้หญิงสักคนที่เราใช้เวลาด้วยกันอย่างแฮปปี้ แบ่งเวลาในการทำงานได้ดี ครอบครัวของเรา เจ้าขุน เจ้าสมุทร เรียนจบ มีงานทำ แล้วผมอยากให้พ่อเดินตีกอล์ฟสบายๆ ไม่ต้องทำงานแล้ว ผมอยากให้พ่อเดินตีกอล์ฟกับเพื่อนทุกวัน อยากให้แม่วาดรูปอยู่บ้าน อยากให้เขาหายเหนื่อยครับ (อยากแต่งงานเร็วไหม) ผมอยากให้งานอยู่ตัวก่อนครับ แล้วค่อยดูตอน 29-30 (อยากมีลูกไหม) อยากครับ อย่างที่ผมบอกช่วงอายุว่าอยากแต่งงานตอนอายุเท่านี้ เพราะผมอยากเล่นกับลูกได้ ผมเห็นพ่อผมเล่นกับผมได้ แล้วผมสนุก มีความสุขมาก เลยอยากทำให้ได้อย่างที่พ่อทำครับ”

นายแบบ: จินเจษฎ์ วรรธนะสิน

เสื้อผ้า: Givenchy

สไตลิสต์: ศุภะกิจ หุนารักษ์

แต่งหน้า-ทำผม: ภคณัฏฐ์ พูลสวัสดิ์

ช่างภาพ: อิทธิพล พนาสุภน

สัมภาษณ์: กิ่งสุรางค์ อนุภาษ

สถานที่: MOTIF


ติดตามเรื่องราวของ someonestory.co ได้ที่

Web : www.someonestory.co
Facebook : www.facebook.com/SomeoneStory.co/
Instagram : www.instagram.com/someonestory.co/
Youtube : www.youtube.com/channel/UCnm6Li8Brk1QCyb9lBHrMEA
Twitter : www.twitter.com/someonestoryco

About the author

กิ่งสุรางค์ อนุภาษ
นักเขียน at someonestory.co | + posts

รู้สึกตัวว่าชอบสัมภาษณ์เมื่อปลายปีที่ผ่านมา และรู้สึกว่าการได้สนทนากับผู้คนคือกำไรชีวิต

อิทธิพล พนาสุภน
ช่างภาพ at someonestory.co

ไม่ชอบถูกถ่ายรูปมาตั้งแต่เด็ก จนถึงตอนนี้ก็ชอบที่จะเป็นคนถ่ายมากกว่า

0%