ชีวิตสุดธรรมดา (ที่ไม่ธรรมดา) ของนางงามนางเอก และเภสัชกรคนสวย บิ๊นท์ สิรีธร

เรารู้สึกว่าทุกบทบาทที่บิ๊นท์-สิรีธร ลีห์อร่ามวัฒน์ เลือกเดินล้วนเป็นบทบาทที่เจ๋งและน่าสนใจ เพราะไม่ว่าจะเป็นเภสัชกร นางงาม หรือแม้กระทั่งนางเอก ล้วนเป็นบทบาทที่ท้าทายเธอทั้งสิ้น จนทำให้คิดไปเองว่าผู้หญิงคนนี้อาจเป็นคนที่ซีเรียสหรือกดดันตัวเองแบบสุดๆ ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดถนัด เพราะชีวิตของบิ๊นท์เป็นอะไรที่เรียบง่ายและชิลล์ได้ทุกอย่าง มองเห็นทางออกในทุกปัญหา ทั้งยังขยันหาพลังบวกให้กับทุกสิ่งที่ทำ แม้ว่าจะเจอสถานการณ์ที่กดดันหรือแย่แค่ไหนก็ตาม อ่านบทสัมภาษณ์ของบิ๊นท์แล้วอาจทำให้ความฝันมีขนาดเล็กลง มีเป้าหมายที่เอื้อมถึงได้มากขึ้น และนั่นอาจทำให้เรามีความสุขได้ง่ายขึ้นเช่นกัน

ขุมพลังแห่งความสุขของบิ๊นท์

สำหรับบิ๊นท์ ความสุขเกิดขึ้นง่าย บิ๊นท์จะเป็นคนมองหาความสุข เพราะว่าเป็นคนไม่ชอบเครียดค่ะ ขุมพลังที่บิ๊นท์รู้สึกว่ามันมีเอฟเฟกต์กับตัวเองมากในตอนที่เป็นทุกข์และช่วยให้ดีขึ้นคือครอบครัว เพื่อนร่วมงาน พี่น้อง กลุ่มคนที่เรียกว่าผูกพันกับเราและหวังดีกับเราจริงๆ รู้สึกว่าพอกลุ่มคนเหล่านี้พูด ต่อให้เป็นเรื่องเชิงติ แต่เรายังรู้สึกดีเลย เพราะรู้สึกว่าเขาต้องการให้เราดีขึ้นจริงๆ

ประกวดนางงาม ความกดดันที่ไม่กดดัน

ตอนนั้นบิ๊นท์ไม่คิดว่าใครกดดันบิ๊นท์เลย รู้แค่ว่าคนเดียวที่จะกดดันบิ๊นท์ได้คือตัวเอง และโชคดีด้วยที่ทีมบิ๊นท์ไม่เก็บเอาคำที่สังคมวิจารณ์มาบอกหรือมากดดันเรา แต่เขากลับบอกว่าบิ๊นท์ทำดีขึ้นนะเนี่ย เลยกลายเป็นพลังบวกว่ามีคนเห็นว่าเราดีขึ้น ดังนั้นถ้าเราทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ มันจะต้องดีขึ้นได้อีก ตอนนั้นคุยกับตัวเองเยอะ บอกตัวเองว่าชีวิตนี้มันเกิดมาเป็นของเรา ถ้ามีคนขว้างกระดาษใส่เรา แต่เราไม่รับ เราก็ไม่ใช่ขยะ แต่ถ้าเกิดเขาขว้างมาแล้วเรารับ เราเจ็บ แล้วก็กลายเป็นถังขยะด้วย ถ้ายังไม่สบายใจ ไม่ต้องฟังคนอื่น ฟังตัวเอง คิดว่าตัวเองทำได้ไหมล่ะ ถ้าตัวเองทำได้ ก็ลงมือทำ

หน้าเหมือนจานข้าวหมา

ตอนที่บิ๊นท์ได้ตำแหน่งนางสาวไทยใหม่ๆ แล้วมีคนมาบอกว่าหน้าเหมือนจานข้าวหมา เราก็ร้องไห้ เพราะเสียใจ แต่พอร้องไปสักพัก 2-3 ชั่วโมง ก็เริ่มดีขึ้น นั่นเพราะเราอยู่กับปัญหา ไม่ได้ต้องรีบมูฟออน เราไม่ต้องรีบ แค่รู้ว่าเกิดเรื่องนี้อยู่ แล้วคุยกับมัน บิ๊นท์ก็จะ อ๋อ โอเค เขาด่าเหรอ ที่ติก็เพราะเขาก็หวังดีมั้ง อยากให้เราพัฒนา บิ๊นท์มองว่าความกดดัน ความทุกข์เป็นเรื่องปกติ เวลาดีลกับความกดดันหรือความทุกข์ บิ๊นท์ก็จะอยู่กับมัน หมายถึงว่าเราทุกข์เรื่องนี้ ก็เศร้าได้ ร้องไห้ได้ แต่ถ้าวันไหนที่เครียดมาก บิ๊นท์จะบอกตัวเองว่า “พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว” ไปเล่นกับนกก่อนดีกว่า เพราะบิ๊นท์เลี้ยงนก แล้วก็นอน แล้วค่อยตื่นมาลุยใหม่ ซึ่งถ้าเราจะเครียดกับเรื่องนี้ต่อก็ไหว เพราะมีสติ มีสมาธิในการจะสู้กับมันแล้ว ถ้าเรายังไม่พร้อมเรื่องอะไร หยุดก่อน แล้วคิดให้กำลังใจตัวเองก่อนว่าทุกปัญหาต้องมีทางออกสิ เหมือนเป็นการให้กำลังใจตัวเอง เสร็จปุ๊บมองหาสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่าวันนี้เราโชคดีจังเลยที่ได้มีชีวิตอยู่ในวันนี้

เป้าหมายคือใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

บิ๊นท์เป็นลูกสาวคนโต เลยทำให้ต้องคิดและตั้งเป้าหมาย ซึ่งบิ๊นท์มีเป้าหมายใหญ่ที่สุดในชีวิตว่าจะต้องทำอะไรก็ได้ให้ประสบความสำเร็จ แต่ในขณะเดียวกัน เราและครอบครัวต้องมีความสุข มันจะเป็นบาลานซ์นี้ตลอด ทำให้บิ๊นท์จะไม่เลือกงานที่รายได้ดีมาก แต่ว่าทำให้ครอบครัวเครียดมาก บิ๊นท์จะเลือกรายได้ที่ลงมาน้อยหน่อย แต่ว่าครอบครัวแฮปปี้ด้วย ดังนั้นเลยเป็นข้อดีที่ทำให้บิ๊นท์รู้สึกว่าจะไม่ตั้งเป้าที่มันใหญ่เกินไป จนเราหรือครอบครัวรู้สึกเครียด เราจะตั้งเป้าที่มันใช้ชีวิตแล้วยังมีความสุข แล้วเดินไปอย่างมั่นคง รวมถึงตอนประกวดนางงาม บิ๊นท์ก็คิดแบบนี้ เพราะว่าก่อนจะมาเป็นนางงาม บิ๊นท์ตั้งเป้าหมายกับตัวเองแค่ว่าถ้าเรามาเดินในเส้นทางความฝันนางงามนี้ ขอแค่มงกุฎเดียวก็พอ หรือว่าถ้าปลอบใจตัวเองก็สายสะพายเดียวก็พอรางวัลพิเศษอะไรก็ได้ เพราะว่าเราเป็นคนตั้งเป้าหมายให้มีความสุขน่ะค่ะ รู้สึกว่าเราเอื้อมได้ ดังนั้นพอได้มงกุฎนางงามกรุงเทพมหานคร บิ๊นท์แฮปปี้ละ พอได้ตำแหน่งนางสาวไทย ได้ตำแหน่งมิสอินเตอร์เนชั่ลแนล โอ้โห กำไรแล้ว ไม่รู้จะชื่นชมตัวเองอย่างไรแล้ว อย่างนี้ไม่เรียกว่าหลงตัวเองนะคะ แต่รู้สึกว่าการชื่นชมตัวเองบ้างทำให้เราได้อิ่มเอมกับความสุขว่าเราก็ทำได้เหมือนกันนะ

เติมความสุขให้กับอาชีพเภสัชกรด้วยการ  “ให้

ช่วงโควิด-19 เป็นช่วงที่ชัดสำหรับบิ๊นท์ บิ๊นท์ภูมิใจในหน้าที่ของตัวเองมาก บิ๊นท์โดนแคนเซิลงานไปประมาณ 10-20 งาน จำได้ว่าช่วงแรกๆ งานไปหมดเลย เราก็เสียใจนะที่รายได้หาย แต่ก็รีบพลิกเลยว่าไม่เป็นไร ตอนนี้เป็นแอ็กซิเดนต์ที่ทุกคนโดนหมด ทำไมต้องไปคิดมาก มองหาอะไรทำที่เติมเต็ม มีความสุข และเป็นเป้าหมายของเราต่อดีกว่าไหม ซึ่งเป้าหมายต่อมาที่บิ๊นท์รู้สึกว่าช่วงนั้นทำได้ คือบิ๊นท์เป็นเภสัชกร เป็นนางงาม บิ๊นท์มีเสียง ดังนั้นบิ๊นท์ทำเพื่อสังคม เพราะว่าในวันที่ได้ตำแหน่ง เชื่อว่าทุกคนดีใจ ชื่นชมบิ๊นท์ ดังนั้นทำไมช่วงเวลานี้ เราจะไม่คืนเขาล่ะ เราทำได้นี่ เลยติดต่อพี่เภสัชกรไปว่าตอนนี้ประชาชนทุกคนไม่ค่อยอยากไปโรงพยาบาล ขอลงไปช่วยพี่ๆ ในการเช็กยาที่บ้านได้ไหม เพราะว่าปกติในสังคมเราจะมีเภสัชกรและทีมแพทย์ที่ลงชุมชนเพื่อไปเช็กตามบ้าน เราก็ไปกับเขา ไปหลายครั้งเลยค่ะ คือปกติผู้ใหญ่ ถ้าพูดง่ายๆ คือคนเฒ่าคนแก่ก็จะมีโรคประจำตัวเยอะ จะกินยาหลายตัว บางคนเป็นหัวใจ เป็นไต ไขมัน เบาหวาน และกินยาเยอะมาก ซึ่งปกติแล้วเขาก็จะมีการมาหาหมอทุก 3 เดือน 6 เดือน เพื่อให้คุณหมอดูว่ายังกินยาถูกใช่ไหม อาการเป็นยังไงบ้าง แต่ในช่วงโควิด-19 แน่นอนว่าบางคนเขาไม่อยากไป คุณหมอในโรงพยาบาลเองก็อาจรู้สึกว่าในช่วงนี้อาจจำเป็นต้องให้เขาเลื่อนไปก่อน เพราะว่าบางคนเขารู้สึกไม่ปลอดภัยกับโรคโควิด-19 จริงๆ ดังนั้นเขาก็จะอยู่บ้านและกินยาเอง แต่บางทีมันเกินระยะเวลาที่ต้องตรวจเช็ก กลายเป็น 7 เดือน 8 เดือน 1 ปีแล้ว เราไม่รู้ว่าเขายังกินถูกอยู่หรือเปล่า กลุ่มทีมสหวิชาชีพการแพทย์ซึ่งมีทุกอย่างที่เกี่ยวกับการแพทย์ที่ลงไปจะเหมือนเป็นการอุดช่องโหว่ว่าถ้าเกิดคุณไม่ไปโรงพยาบาล เราก็ยังมีส่วนนี้ในการลงชุมชนแต่ละชุมชนอยู่นะ ซึ่งกลุ่มนี้ในกรุงเทพฯ จะอยู่เกือบทุกเขตเลยเท่าที่รู้

การลงพื้นที่ครั้งนั้น เขาได้ให้อะไรเรากลับมามาก เพราะมันทำให้บิ๊นท์รู้สึกได้เลยว่าการที่เราได้ลงไปทำอะไรที่คิดว่าเล็กน้อยมาก แค่เช็กยาในความรู้สึกเรา แต่สำหรับเขา มันคือการที่ทำให้เขากินยาถูกได้และทำให้ต่อชีวิตเขาไปได้อีก และเขาก็มอบกำลังใจให้เรานะว่าขอบคุณนะที่มา เขาดีใจมากเลย บางคนร้องไห้ เราเลยรู้ว่าสิ่งที่เราทำ บางทีมันเหมือนเล็กน้อย แต่ถ้าเราได้เริ่มลองทำให้เขา มันอาจจะใหญ่สำหรับคนคนหนึ่ง ทำให้บิ๊นท์รู้ว่าถ้าชีวิตเรามันเดินไปด้วยธุรกิจการเงิน มันถูกต้องแล้ว แต่เราควรจะแบ่งส่วนหนึ่งของชีวิตที่ได้ทำอะไรเพื่อสังคม เพื่อคนอื่นโดยไม่ต้องคิดว่ามันจะต้องเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เราคิดแค่ว่าวันนี้เราได้ช่วยคนหนึ่งคนแล้วนะ เราได้ช่วยคนสองคนแล้วนะ อาจเป็นการพูดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องลงไปแจกของ เราอาจไม่ได้มีงบมากพอ แต่เราสามารถทำอะไรที่เราทำได้ อย่างบิ๊นท์คิดว่าบิ๊นท์ให้กำลังใจเก่ง ก็พูดให้กำลังใจเขา ซึ่งเท่านี้บิ๊นท์พอใจในตัวเองแล้วว่าอย่างน้อยได้ช่วยคนที่บิ๊นท์รู้สึกสำนึกในบุญคุณที่เขาอยู่เคียงข้างบิ๊นท์ บิ๊นท์เป็นคนของประชาชน ดังนั้นเขาคือคนหนึ่งที่ซัพพอร์ตบิ๊นท์อยู่แล้ว แค่นี้ก็แฮปปี้แล้วค่ะ

ทางเลือก เมื่อต้องทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

หลังจากบิ๊นท์ได้ตำแหน่งมิสอินเตอร์เนชั่นแนล 2019 เรียกว่างานในวงการบันเทิงแน่นจนเราไม่สามารถโฟกัสกับอาชีพเภสัชกรได้ ซึ่งตอนนี้บิ๊นท์หยุดทำงานด้านเภสัชกรรมไปก่อนเพราะรู้ว่าโฟกัสของอาชีพเภสัชกรคือคนไข้ เราต้องมีสมาธิ ตั้งใจ และต้องให้เวลากับเขาเยอะ ในขณะเดียวกันถ้าเกิดเราจะเดินทางสายวงการบันเทิง เขาก็จะมีจุดโฟกัสอีกแบบหนึ่งที่เราก็ต้องโฟกัสเหมือนกัน ซึ่งสองทางนี้มันเป็นทางแยกเกินไป แล้วเราไม่อยากทำให้อันใดอันหนึ่งไม่ดีจากการที่เราหลุดโฟกัส เลยเลือกที่จะหยุดงานด้านเภสัชกรไว้ แต่แน่นอนว่าสำหรับบิ๊นท์ งานเภสัชกรคือชีวิตบิ๊นท์เหมือนกัน บิ๊นท์ไม่มีทางหยุดความฝันเรื่องเภสัชกรในชีวิตนี้แน่นอน แต่ว่าอาจเป็นอนาคตไม่ไกลนี้ที่บิ๊นท์แพลนจะทำ เกี่ยวกับร้านยาในชุมชนของบิ๊นท์เอง เพราะมีเป้าหมายไว้ว่าอยากมีร้านยาในชุมชน มันคือความสุขที่เราชอบมาร์เก็ตติ้ง ชอบการขายของ เราได้เป็นเจ้าของร้าน มันตอบโจทย์ แล้วการได้ช่วยเหลือคนก็เป็นอีกอันหนึ่งที่บิ๊นท์ชอบ ซึ่งถ้าเราได้ช่วยคนในชุมชนที่มีความคุ้นเคย เคยเห็นหน้ากัน ก็รู้สึกมีความสุข บิ๊นท์จะชอบทำอะไรที่มันเล็กๆ เรารู้สึกว่าการช่วยกันเริ่มจากจุดเล็กๆ แต่ถ้าทุกคนคิดเหมือนๆ กัน มันจะใหญ่ได้ ก็เลยชอบทำแบบนี้ แต่ถ้าถามว่าเป้าหมายของเราสำเร็จหรือยัง ก็ตอบได้เลยว่าเรื่องเภสัชกรนี่ยังไม่สำเร็จค่ะ อาจเริ่มทำตอนบิ๊นท์อายุ 40-50 ซึ่งไม่ได้รีบเร่งกับความฝันนี้ เพราะยังไงมันอยู่ในตัวบิ๊นท์อยู่แล้ว วันหนึ่งก็จะต้องทำอยู่แล้ว

บทบาทใหม่ และความท้าทายจากนางงามสู่การเป็นนางเอก

จำได้ว่าเด็กๆ เคยเหยียบเข้าไปในความฝันนี้ครั้งหนึ่ง คือมีคนมาชวนไปเป็นเอ็กซ์ตร้า แต่จำชื่อเรื่องไม่ได้แล้ว บิ๊นท์ได้เห็นนักแสดงเขาเล่นกัน รู้สึกว่าน่าสนุกจังเลย แต่มันเป็นวัยเด็กที่พอสุดท้ายก็เลือนรางจากการที่เราตั้งใจเรียน กระทั่งพอได้นางงาม เราก็กลับไปดูว่าทำอะไรต่อได้อีก เพราะรู้สึกว่ายังมีเป้าหมายใหม่ที่ลิงค์กันต่อได้นั่นคือนักแสดง ซึ่งตอนนี้กำลังมีผลงานละครกับช่องวัน 31 ค่ะ เป็นซิตคอมเรื่อง ‘รักนะขอรับ’ เป็นอะไรที่น่ารักและเป็นครั้งแรกที่มีซิตคอมพีเรียด คือเราจะแต่งตัวเป็นไทยแท้ เรียกว่าฝ่ายคอสตูมศึกษามาเลยว่าในยุคนั้นใส่อะไร แล้วใส่แบบนั้นจริงๆ เป็นความสวยงามทางวัฒนธรรมเลยค่ะ แล้วก็ตลกแน่นอน เพราะว่าทุกคนในเรื่องนี้จัดเต็มมาก นอกจากนี้ยังมีละครอีกเรื่องหนึ่งคือ ‘วานวาสนา’ ถ้าเกิดเป็นสายดราม่าเข้มข้นต้องชอบแน่ๆ ค่ะ ซึ่งการเป็นนักแสดงเป็นอะไรที่ท้าทายบิ๊นท์มาก เพราะว่าทุกคนจะติดว่าบิ๊นท์เป็นนางงาม ถ้าแสดงออกมาโดยไม่ตั้งใจหรือแสดงออกมาไม่ดีจะกลายเป็นคำครหาทันที เราจะถูกมองว่าก็เป็นนางงามไง เลยได้เป็นนางเอก จริงๆ เล่นไม่เก่งเท่าไร ซึ่งนี่ล่ะที่คิดว่าเป็นความท้าทายเราที่สุดว่าจะเอาชนะสายตาที่ประชาชนมองมาได้ไหม เราจะหลุดจากการเป็นนางงามไปเป็นนักแสดงเต็มตัวได้ไหม เป้าหมายในเรื่องนี้สำหรับบิ๊นท์คืออยากเป็นนักแสดงที่ทุกคนยอมรับในฝีมือ อยากให้ทุกคนคิดว่าคนนี้ไงที่เล่นเรื่องนั้นแล้ว โห เล่นเก่งมาก ให้เขาจำเราในฐานะนางงามก็ได้ แต่มีฝีมือที่โดดเด่นออกมา เราตั้งเป้าไว้ว่าเราจะต้องเป็นอย่างนั้น ซึ่งสำหรับนักแสดง นี่เป็นศาสตร์ใหม่ที่บิ๊นท์กำลังเรียนรู้และตั้งใจกับมันมาก ก็อยากให้ติดตามกันค่ะ

เคล็ดลับความงามของผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในเอเชีย

ก่อนหน้าที่จะประกวดนางงาม บิ๊นท์รักสวยรักงามนิดหน่อย แต่พอเข้าวงการ เคล็ดลับอันดับหนึ่งของบิ๊นท์คือนอน รู้สึกว่าการนอนจะทำให้ข้างในทุกอย่างของเรามันดี แม้แต่ความสดใสทางหน้าตา บิ๊นท์เคยนอนนานที่สุดประมาณ 15 ชั่วโมง (หัวเราะ) แล้วตื่นมาก็ง่วงต่อด้วย เหมือนมันเกินลิมิตที่แบบบ้าหรือเปล่า นอน 15 ชั่วโมง นอนต่อเลยไหม ร่างกายมันเหมือนบอกเราอย่างนี้ คือมันง่วงต่อแล้ว แต่เราก็แฮปปี้เวลาเรานอนเกิน 8 ชั่วโมง คือ 8 ชั่วโมงนี่เฉยๆ ถ้า 10 ชั่วโมง เริ่มพอใจ

นอกจากนี้ บิ๊นท์เป็นคนชอบกินผลไม้ กินผักเยอะ สมมติถ้าไปกินหมูกระทะจะกินผักไปก่อนพร้อมๆ กับน้ำซุป เหมือนเป็นเคล็ดลับลดความอ้วนในช่วงหนึ่งด้วย เพราะพอกินผักปุ๊บ มันอิ่ม เลยกินเนื้อได้น้อยลง บิ๊นท์ไม่ค่อยชอบกินของหวาน แต่เป็นสายกินดุของคาว (หัวเราะ) ต้องหาเวลาไปกินปิ้งย่าง หมูกระทะ แต่พอมีหน้าที่ มีหัวโขนที่เราต้องดูแลตัวเอง ก็ต้องลดลง จากปกติ 2-3 ครั้งต่ออาทิตย์ เหลือแค่ 1 ครั้ง ตอนนี้ไม่ถึงแล้วค่ะ อาจเป็นเดือนละครั้ง ค่อยๆ ลดไป เราไม่ได้หักโหมว่าหยุดคือหยุด มันจะโหย ก็เข้าข้างตัวเองว่าค่อยๆ ลด หรือถ้าอดไม่ได้จริงๆ ก็หยวนก่อน แต่ให้รู้สึกผิดกับตัวเองแล้วนะ เพราะสัญญากับตัวเองแล้ว นอกนั้นก็เป็นสกินแคร์ บิ๊นท์ว่าช่วยได้เยอะ อย่างน้อยเราได้บำรุง

นิยามความสวยด้วยตัวเอง

ก่อนหน้านั้นบิ๊นท์เป็นคนมั่นใจในตัวเองตลอด เป็นความมั่นใจที่รู้ว่าคนภายนอกจะไม่ได้มองว่าเราสวยแบบนางงาม แต่เราพอใจในตัวเองตอนส่องกระจก รู้สึกว่าน่ารักดี แต่พอโดนวิพากษ์วิจารณ์ แล้วเป็นวงการนางงามที่เราต้องยอมรับคำวิจารณ์ด้านความงาม ก็เริ่มคุยกับตัวเองว่าความสวยคืออะไร ความสวยมันสำคัญขนาดนั้นไหม หรืออะไรคือมาตรฐานความสวย บางคนบอกเราสวยมาก บางคนบอกว่าหน้าอย่างนี้เรียกสวยเหรอ ทำไมมันต่างกันได้ 100 เปอร์เซ็นต์ขนาดนี้ นั่นแสดงว่ามันคือนามธรรม มันมีหลายปัจจัยเกินกว่าจะอธิบายได้ในคำเดียวว่าสวย สำหรับบิ๊นท์มองว่าความสวยไม่ใช่แค่เรื่องของรูปร่างหรือหน้าตา แต่เป็นเสน่ห์บางอย่างที่ออกมาจากการกระทำของเขา ซึ่งถ้าไม่อยากเครียดเรื่องที่คนมองเราสวยหรือไม่สวยก็ให้นิยามเองเลยว่าสวยของเราคือยังไง ซึ่งถ้าบิ๊นท์จะให้นิยามกับตัวเองก็คงไม่ใช่เรื่องรูปร่างหน้าตาอย่างเดียว แต่ยังมีอย่างอื่นที่ทำให้เรารู้สึกภูมิใจด้วย อย่างการเป็นเภสัชกร และนี่ล่ะคือความสวยที่บิ๊นท์รู้สึกว่าอยากถ่ายทอดออกไปค่ะ

เสน่ห์ของหนุ่มในสเป็ก

ตอนนี้บิ๊นท์ยังโสดอยู่เลยค่ะ (เห็นมีคนคุยด้วย) ก็คิดว่าถ้าใช่ก็คงจะใช่มั้งคะ (หัวเราะ) แต่ก็ยังไม่อยู่ในขั้นที่เรียกว่ามีคนที่จริงจังหรือคุยแบบตกลงปลงใจ สำหรับสเป็กของบิ๊นท์คือชอบคนที่ดูเก่งในเรื่องของตัวเอง ไม่ได้หมายความว่าต้องเก่งทางวิชาการนะ แต่ดูเชี่ยวชาญในสิ่งที่เขาสนใจ เช่น ถ้าเกิดคนนี้ชอบเล่นเกมมาก แข่งจนได้ระดับโลก หมายความว่าเขาทุ่มเทน่ะ ซึ่งนี่แหละคือเสน่ห์ เหมือนเวลานักร้องร้องเพลงแล้วเขาอินกับเพลง เราจะรู้สึกถึงพลังบางอย่างของเขา บิ๊นท์เลยชอบคนที่มีเสน่ห์แบบนั้น ถ้าเป็นทางกายภาพก็มีบ้าง แต่ไม่โฟกัส เพราะมันมีปัจจัยอื่นๆ เยอะมากที่จะทำให้ลงตัว แต่ถ้าต้องตอบจริงๆ สังเกตว่าจะชอบคนที่ตี๋ๆ หน่อย เพราะว่าเราอาจหน้าเข้ม หน้าไทยมั้ง เลยชอบแบบนี้ (หัวเราะ)

นางแบบ: สิรีธร ลีห์อร่ามวัฒน์ 

แต่งหน้า: กิตติรพัสฐ์ วัฒนอิทธิพัทธ์

ทำผม: เขมวัฒน์ ฉิมคง

ช่างภาพ: อิทธิพล พนาสุภน

สัมภาษณ์: กิ่งสุรางค์ อนุภาษ

สถานที่: Pullman Bangkok King Power โทร.02-6809999

About the author

+ posts
0%