เบลล่า นักเต้นบัลเลต์อายุน้อย ที่อีกไม่นานเธอจะได้เทิร์นโปรแล้ว!

จากความชอบในวัย 2 ขวบครึ่ง สู่เส้นทางนักเต้นอนาคตไกล พร้อมลมใต้ปีกคนสำคัญช่วยผลักดันให้ฝันเป็นจริง

เบลล่า-กุญช์จารี จีระแพทย์ คือสาวน้อยที่อายุน้อยที่สุดที่ Someone Story. Co พูดคุยด้วย นั่นเพราะเด็กหญิงวัย 13 ปีคนนี้มีอะไรที่น่าสนใจและน่าค้นหา เราได้เห็นเรื่องราวความชอบของเธอผ่านการบอกเล่าของคุณแม่หนิง-ศรัยฉัตร กุญชรฯ จีระแพทย์ (คุณแม่) ผ่านโลกโซเชียลมาเป็นเวลากว่า 10 ปี ในแต่ละปี เราได้เห็นว่าน้องเบลล่าจริงจังกับการเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ จากชอบเต้น เรียนเต้น เริ่มเข้าสู่การแข่งขัน จนสามารถคว้ารางวัลกลับมานอนกอดมากมายตั้งแต่อายุประมาณ 8 ขวบ! เช่น ถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เวที ATOD International Dance Competition 2018 คะแนนประเภทหลักสูตรสูงสุด, รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 เต้นรำประเภทบัลเลต์ คลาสสิก, บัลเลต์ เรเพทัวร์, แจ๊ส, คอนเทมโพแรรี่, ลีริคัล และ Song & Dance เวที ATOD International Dance Competition 2017, 2018, 2019, 2020 นอกจากนี้ยังได้ทุนในการไปแข่งขันและเรียนรู้เพิ่มทักษะ ประสบการณ์ในต่างประเทศอีกหลายต่อหลายรางวัล การแข่งขันเหล่านี้ ไม่ได้เป็นการวัดขีดความสามารถของเบลล่าเท่านั้น แต่ยังเป็นการเก็บคะแนนสร้างแต้มต่อให้กับเธอ จนทำให้อีกไม่กี่ปีสาวน้อยร่างบาง ขายาวกำลังจะมีอีกหนึ่งอาชีพที่พร้อมหากเธอต้องการจะเลือกเดิน นั่นคือครูสอนบัลเลต์! ซึ่งต้องขอบคุณลมใต้ปีกของเธอ เพราะไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อโบ๊ท-จามร และคุณแม่หนิง-ศรัยฉัตร กุญชรฯ จีระแพทย์ ที่มองการณ์ไกลคอยผลักดัน สนับสนุนในทุกๆ ทาง อย่างเต็มที่ให้ลูกสาวคนเดียวบินได้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้

เสน่ห์ของการเต้น = พื้นที่แห่งความสุข

ถึงแม้จะเห็นเบลล่าเต้นบัลเลต์อยู่เสมอ แต่ความจริงเธอชอบเต้นหลากหลายแบบ “หนูชอบแจ๊ส คอนเทมโพแรรี่ ลีริคัล และ Song & Dance ค่ะ ตอนเต้นบัลเลต์ หนูต้องมีความสง่า แต่ตอนเต้นแจ๊สเราจะเต้นให้ดูเปรี้ยว สนุกได้” นอกจากนี้เมื่ออยู่บนเวที หลายๆ คนอาจตื่นเต้น กดดัน แต่ที่ตรงนี้กลับกลายเป็นพื้นที่แห่งความสุขของเธอ “หนูอยากโชว์ให้ทุกคนดูว่าหนูทำอะไรได้ค่ะ ก่อนแข่งขันเป็นเรื่องปกติที่จะรู้สึกกลัวนิดหนึ่ง เช่น กลัวเต้นไม่สวย เต้นผิด แต่พออยู่บนเวทีหนูจะแฮปปี้เหมือนเดิม ตอนที่หนูแข่งหนูมีความสุขมากค่ะ ไม่ว่าจะไปแข่งขันที่ประเทศไหน หนูรู้สึกสนุกทุกที่ แต่บางทีหนูเห็นคนอื่นก็อาจกลัวนิดหนึ่ง เพราะว่าหลายคนเก่งมาก เต้นสวยมาก แต่ว่าตอนจบหนูก็จะแฮปปี้ทุกครั้งว่าได้มาแข่ง แล้วทำให้เราได้มีเพื่อนจากประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจีน ออสเตรเลียค่ะ”

ฉายแววว่าจะเป็นนักเต้นตั้งแต่อายุ 2 ขวบครึ่ง !

เบลล่าเป็นเด็กที่พบพรสวรรค์ได้เร็วที่สุดคนหนึ่ง โดยคุณแม่คนสวยได้เล่าย้อนถึงช่วงแรกๆ ในการเต้นของเบลล่าให้ฟังว่าเบลล่าเป็นเด็กที่มีแววนักเต้นมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กตัวจิ๋ว “เบลล่าเริ่มเต้นเร็วค่ะ เพราะที่โรงเรียนมีคอร์สเรียนพิเศษหลังเลิกเรียน เผอิญมีบัลเลต์ ทำให้เขาได้เรียนตั้งแต่ตอน 2 ขวบครึ่ง เรียนได้ไม่นานก็มีโชว์ของโรงเรียน บนเวทีจะมีแผ่นกลมๆ เป็นตำแหน่งให้ทุกคนยืนในที่ของตัวเอง แล้วก็มีบางจังหวะที่ต้องออกไปเต้นกับเพื่อนๆ หมุนกันเป็นวงกลม จากนั้นทุกคนต้องกลับมาตำแหน่งเดิมของตัวเอง ตอนแรกที่ดูก็ไม่รู้สึกอะไร จนคุณครูมาบอกว่าสำหรับเด็กอายุ 2 ขวบครึ่ง การที่เขาสามารถไปเต้นตรงกลางกับกลุ่มเพื่อน แล้วรู้ว่าถึงเวลาที่ต้องกลับมาอยู่ในจุดของตัวเอง ถือว่าเป็นพัฒนาการที่โตมากสำหรับเด็กวัยนี้ เบลล่าเต้นมาเรื่อยๆ จนพออายุ 4 ขวบครึ่ง หนิงก็พาไปโรงเรียนเต้นแบบจริงจัง เรียนไปได้สักพักคุณครูจะพูดตลอดว่า “อย่าเลิกนะ เพราะสรีระให้” กระทั่งเริ่มมีการสอบก็จะเห็นว่าทุกครั้งที่สอบ เขาจะได้คะแนนสูง และการแข่งขันบัลเลต์ส่วนใหญ่เบลล่าจะได้คะแนนสูงและได้ที่ 1 คุณครูก็เลยบอกว่ามีอะไรบางอย่างในตัวเขาที่บอกว่าไปทางด้านนี้แล้วจะรุ่ง จากตอนแรกที่หนิงหรือคุณครูเป็นคนที่ผลักดันให้ลูกแข่ง กลายเป็นตัวเขาเองที่อยากทำเองแล้ว พออายุประมาณ 7-8 ขวบ ก็เริ่มแข่งและได้รางวัลค่ะ

น้องเบลล่าและคุณแม่หนิง

เพราะมีความสุข จึงไม่ล้มเลิก

ตารางการซ้อมเต้นของเบลล่าเรียกได้ว่าอาทิตย์ละ 6 วัน บางวันต้องซ้อมเต้นถึง 7 ชั่วโมง ซึ่งสำหรับเด็กในวัยเดียวกัน เวลาเหล่านี้อาจถูกแบ่งไปอยู่กับกิจกรรมอื่นๆ เช่น อยู่กับเพื่อน หรืออยู่กับโทรศัพท์ “มันอาจเหนื่อยในบางทีแต่หนูก็ชอบที่เราพยายามได้ขนาดนี้ มีบางวันเหมือนกันค่ะที่หนูอยากอยู่บ้านแล้วไม่ทำอะไร แต่สุดท้ายก็คิดว่า การเต้น การมีตารางการเรียน การซ้อมทำให้โตขึ้น แล้วหนูก็รักการเต้นมาก แต่ถึงยังไงก็ยังมีเวลาสนุกและอยู่กับเพื่อนนะคะ” เบลล่ากล่าวพร้อมกับพูดถึงคนสำคัญในชีวิตที่ผลักดันให้เบลล่าเต้นมาได้เป็น 10 ปี “คุณแม่คือคนที่เป็นแรงบันดาลใจและผลักดันหนูค่ะ ตอนที่หนูเหนื่อย หรือมีความรู้สึกว่าไม่อยากทำแบบนี้แล้ว แม่ก็จะบอกว่า หนูมาถึงจุดนี้แล้วหยุดทำไม เพราะหนูทำทุกอย่างได้ แม่คือคนที่ทำให้หนูเต้นมาได้อย่างยาวนานถึงวันนี้ค่ะ”

ประสบการณ์ชีวิตที่มากกว่าการแข่งขัน

เบลล่าได้มีโอกาสแข่งขันทั้งในและนอกประเทศ ทุกครั้งที่เธอเดินทางคือทุกครั้งที่ได้เปิดโลกอีกใบ ที่นอกจากจะเพิ่มประสบการณ์ ทักษะการเต้น เบลล่ายังได้อะไรกลับมาเติมเต็มชีวิตของตัวเองอีกมากด้วย “ประเทศที่หนูไปเยอะที่สุดคือออสเตรเลีย น่าจะไปมาประมาณ 5 ครั้ง ฮ่องกงหนูไปประมาณ 3-4 รอบ แต่จีนหนูไปแค่ครั้งเดียวแต่อยากกลับไปอีกทีค่ะ หนูชอบท่องเที่ยวและไปดูวัฒนธรรมของประเทศอื่น ได้เห็นว่าคนที่นี่ชอบทำอะไร มีชีวิตแบบไหน ชอบดูบ้านเมืองเขา รวมถึงการเต้นของเขาด้วย บางทีคนจีนกับคนออสเตรเลียอาจเต้นไม่เหมือนกัน แต่ก็ยังสวยทั้งสองประเทศ เห็นแล้วก็แอบศึกษามานิดๆ หน่อยๆ ว่า เขาทำอย่างไรเพื่อเป็นการพัฒนาตัวเอง นอกจากนี้หนูยังได้เพื่อนเยอะด้วย เราจะแลกอินสตาแกรม แลกรูปกันค่ะ”

เมกอัพอาร์ทิสต์ตัวจิ๋ว

นอกจากฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อทำลายขีดจำกัดของตัวเอง อีกเรื่องหนึ่งที่เบลล่าต้องทำและเรียนรู้คือการแต่งหน้า “หนูเริ่มแต่งหน้าเองเมื่อประมาณ 1-2 ปีที่ผ่านมาค่ะ แรกๆ ไม่ชอบเลย แต่ตอนนี้หนูสนุกกับการแต่งหน้า ชอบทำลุคที่ง่ายๆ ธรรมดา แต่บางทีก็เป็นแดร็กควีน หนูไม่ได้เรียนแต่ดูจากยูทูบและลองแต่งดู สาเหตุที่อยากแต่งหน้าเองเพราะคุณแม่มีงานเยอะ หนูไม่อยากให้ต้องมาเสียเวลาแต่งหน้าให้ ถ้าทำเองได้ก็คงจะประหยัดเวลาเราทั้งคู่ และยังทำให้เราแฮปปี้ได้ด้วยค่ะ ถึงตรงนี้คุณหนิงสุดยอดคุณแม่สายซัพพอร์ตได้เล่าเพิ่มเติมว่า “ตอนแรกหนิงแต่งให้เขาก่อน แต่เราได้เห็นเด็กนาฏศิลป์ต้องแต่งหน้า-ทำผมเองหมด แล้วตอนที่เขาไปแข่งปีแรกๆ ที่ออสเตรเลีย ก็ได้เห็นเด็กตัวเล็กๆ นั่งแต่งหน้ากันเอง รู้สึกทึ่งมากค่ะ พอเห็นแล้วก็อยากทำตาม ซึ่งหนิงก็เข้าใจนะคะว่าบางทีพ่อแม่เราก็ไม่ไว้ใจลูก กลัวออกมาไม่สวย หนิงก็เลยให้ลูกฝึกเอง เปิดยูทูบ วันไหนอยู่บ้านว่างๆ อยากแต่งหน้า แต่งไปเลย ซึ่งมีช่วงหนึ่งที่เขามีความกังวลว่า คนจะหาว่าแก่แดดไหม แต่งแล้วถ้าอัพรูปลงอินสตาแกรมจะถูกว่าไหม หนิงก็อธิบายว่า เขาจะว่าทำไม ในเมื่อเรากำลังจะพัฒนาฝีมือตัวเอง ช่วยแม่ประหยัดเงินส่วนหนึ่งแล้ว ยังเป็นการช่วยเหลือตัวเองส่วนหนึ่งด้วย และกลายเป็นว่าตอนนี้เขารู้ทิปส์ในการแต่งหน้ามากกว่าหนิงแล้วค่ะ

น้ำใจนักกีฬา วัคซีนสำคัญในการดำเนินชีวิต

บนเส้นทางของการแข่งขัน สิ่งหนึ่งที่นักกีฬาต้องฝึกเสมอคือจิตใจที่พัฒนาความเข้มแข็งให้ไปถึงจุด รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย “การแข่งขันทำให้หนูพัฒนาตัวเองให้เป็นนักเต้นและเป็นคนที่ดีขึ้นค่ะ และยังสอนเราด้วยว่า ในชีวิตเรา บางทีก็จะมีเรื่องที่เราชนะ และเรื่องที่เราแพ้ ซึ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ ตอนที่หนูชนะ หนูรู้ว่าอาจไม่ได้เป็นแบบนี้ตลอดไป แล้วตอนแพ้ หนูก็พัฒนาตัวเอง ถ้าจะเศร้าหนูก็เศร้าแป๊บหนึ่งแล้วก็มูฟออน นอกจากนี้การเต้นยังสอนให้รู้ว่า เราต้องทำงานหนักถึงจะประสบความสำเร็จ เราต้องอดทนกับตัวเอง บางทีการที่ทำท่าอะไรไม่ได้ ก็เพราะว่าเราเป็นคนธรรมดา ฉะนั้นเราจึงมีข้อจำกัดบางอย่างได้ หรือผิดพลาดได้ค่ะ”

ขอรางวัลเป็นหนังสือ

หลังจากการแข่งขัน การมอบรางวัลให้กับตัวเองถือเป็นอีกหนึ่งกำลังใจ ซึ่งเบลล่าเลือกของขวัญเป็นหนังสือเสมอ เมื่อก่อนเบลล่าเป็นแฟนคลับของนักเขียนชื่อดังระดับโลก J. K. Rowling เจ้าของผลงานหนังสือสุดพีคอย่าง Harry Potter แต่เมื่อเติบโตขึ้นเบลล่ากลายเป็นแฟนคลับของ Sarah J.Maas และชอบนิยายแนวแฟนตาซีอย่างเช่น Throne of Glass ที่สร้างจินตนาการชั้นดีให้กับตัวเอง “ตอนเด็กๆ แม่จะเป็นคนอ่านหนังสือให้หนูฟังก็เลยชอบ และพอโตขึ้นตอนหนูอ่านหนังสือเอง หนูรู้สึกว่ามีสมาธิ ไม่ต้องเครียดอะไร ไม่ต้องกลัวอะไร หรือไม่ต้องซ้อมอะไร เหมือนดูหนังเลยค่ะ แต่การอ่านหนังสือสอนเรามาก ทำให้มีทักษะการอ่านที่ดีขึ้น และตอนนี้ก็ทำให้อยากเขียนหนังสือเหมือนกันค่ะ (หัวเราะ)” อีกทั้งการอ่านหนังสือยังเป็นเทกนิกลดความตื่นเต้นของเบลล่าด้วย “ก่อนขึ้นเวที หรือการแข่งขันหนูจะอ่านหนังสือค่ะ ทำให้ลดความตื่นเต้นได้ เพราะว่าเราจะได้เข้าไปในโลกที่มีความสุข รู้สึกว่าฉันไม่ได้เต้นอยู่ตอนนี้ ฉันอยู่ในป่า ฉันสู้กับเสืออยู่ แต่ถึงแม้จะอ่านหนังสืออยู่ก็พร้อมที่จะลุกขึ้นมาเต้นเสมอ เพราะไม่ได้เครียดอะไร พอถึงเวลาก็แค่ปิดหนังสือและลุกขึ้นไปเต้นค่ะ”

ลมใต้ปีกของเบลล่า

ต้องบอกว่าคุณพ่อโบ๊ทกับคุณแม่หนิงคือซัพพอร์ตเตอร์ตัวจริงของเบลล่า เรียกว่าอะไรที่ทำให้ได้ ทั้งคู่ไม่เคยปฏิเสธที่จะทำ “ตอนแรกเรื่องเต้นของเบลล่าก็เป็นเรื่องขำๆ นะคะ แต่พอเริ่มได้รางวัลก็เริ่มไม่ขำแล้ว ต่อมาเริ่มได้ทุนอีก ที่สำคัญเรารู้สึกว่าลูกเต้นแล้วมีความสุข มันต้องไปต่อแล้ว วันนี้หนิงเข้าใจอาชีพนักเต้นทุกคนเลย เห็นใจนักเต้นมากเลยนะ พี่โบ๊ท บอกว่านักเต้นเหมือนอาชีพที่อยู่แถวหลัง จะไม่มีใครรู้ได้เลยว่าเบื้องหลังค่าใช้จ่ายในการเรียนแพงมากๆ หนิงนับถือ คุณพ่อ คุณแม่ทุกคนที่ผลักดันให้ลูกเรียนบัลเลต์ เรียนแจ๊ส ให้ประสบความสำเร็จเป็นอาชีพได้ เพราะต้องทุ่มเทมาก ไม่ใช่แค่ค่าเรียน แต่ยังมีค่าชุด ค่ารองเท้า ซึ่งต้องมีการเปลี่ยน เพราะจะมีการเสื่อมของมันในทุกๆ 2 เดือน ทีนี้พอเห็นลูกมีความสุข ทำแล้วออกมาดี เราก็ผลักดันเต็มที่ค่ะ ต้องซัพพอร์ตเขาทุกอย่าง หรือพอมาถึงจุดหนึ่งที่เขารู้สึกเบื่อ ก็ต้องบอกว่า เขาทำไปเพื่ออะไร หนิงจะพูดกับลูกเสมอว่าที่เรียนนี่ไม่ได้เน้นแข่งนะ แต่เรากำลังเก็บพอร์ตที่หนูสอบผ่านในหลายๆ รายการ ซึ่งอีกแค่ไม่กี่ปี ลูกจะมีอีกหนึ่งอาชีพที่สามารถเป็นได้แล้ว นั่นคือนักเต้นหรือจะเป็นครูสอนเต้น ซึ่งตรงนี้คนอื่นไม่มี แต่เรานำคนอื่นเขามาก่อนแล้ว หรือถ้าวันหนึ่งจะไปเข้าเรียนที่ไหนในอนาคต มหาวิทยาลัยก็ต้องอ้าแขนรับลูก เพราะว่าสั่งสมประสบการณ์มาเยอะ คือพอเราพูดให้ได้คิด ลูกก็จะรู้ว่าเขามาไกลเกินที่จะถอยหลังแล้วค่ะ”

สุดท้ายแล้วลูกก็อยากเต้นให้พ่อแม่ดู

ถึงแม้คุณหนิงจะเป็นพิธีกรคิวทองที่หาตัวจับยาก และคุณโบ๊ทเองก็เป็นผู้บริหารตารางแน่น แต่ถึงอย่างไรลูกก็คือคนสำคัญที่สุดเสมอ ดังนั้นในหลายๆ รายการแข่งขันของเบลล่าเราจะเห็นทั้งคู่เกาะขอบเวที คอยเชียร์ คอยให้กำลังใจตลอด นั่นเพราะคุณหนิงบอกว่าสุดท้ายลูกก็อยากเต้นให้พ่อกับแม่ดู “การไปดูลูกแข่งขันทุกครั้ง เราตื่นเต้นทุกครั้ง เพราะเราคือมนุษย์ค่ะ เรามีความคาดหวังอยู่แล้ว เวลาลูกขึ้นเวทีไป สิ่งที่กลัวที่สุดคือกลัวลูกพลาด กลัวเขาบาดเจ็บ แล้วก็ไม่มีอะไรที่จะทำให้หนิงกับพี่โบ๊ทจะกังวลใจเท่ากับการที่ลูกเสียใจ แต่ทุกวันนี้เขาทำได้ดี เพื่อนชนะ เขาสามารถเดินไปเข้าไปยินดีกับเพื่อนได้ เพื่อนแพ้เขาสามารถเดินไปปลอบเพื่อนได้ การแข่งขัน จนรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย จะหล่อหลอมให้เขากลายเป็นเด็กที่มีน้ำใจนักกีฬาในสังคมค่ะ”

เกี่ยวกับ เบลล่า-กุญช์จารี จีระแพทย์

เด็กหญิงนักเต้นคนนี้ลงสนามการแข่งขันมาแล้วนับไม่ถ้วน และนี่คือรางวัลบางส่วนที่เธอสามารถคว้ามาได้

-ถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เวที ATOD International Dance Competition 2018 คะแนนประเภทหลักสูตรสูงสุด

-รางวัลชนะเลิศอันดับ1 เต้นรำประเภท บัลเลต์ คลาสสิก, บัลเลต์ เรเพทัวร์ , แจ๊ส, คอนเทมโพแรรี่, ลีริคัล และ Song & Dance เวที ATOD International Dance Competition 2017, 2018, 2019, 2020

-รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 เต้นรำประเภท บัลเลต์ คลาสสิก เวที ATOD International Dance Awards 2018 เมืองบริสเบน ประเทศออสเตรเลีย

รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 เต้นรำประเภทเเจ๊ส เวที CSTD Thailand ปี 2016

-รางวัลชนะเลิศอันดับ2 เต้นรำประเภทเเจ๊ส เวที Asia Pacific Dance Competition 2016 ที่มาเก๊า

-รางวัลผู้เข้ารอบ Finalist Regional Bangkok อันดับที่2 เวที Asian Grand Prix 2020

-รางวัลชนะเลิศอันดับ 2 ประเภทแจ๊ส และ คอนเทมโพแรรี่ เวที Asian Elite Dance Competition 2019 ประเทศจีน

-รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ประเภทบัลเลต์ เวที Get The Beat 2019

-ผ่านเข้ารอบออดิชั่น เพื่อเรียน Spring Intensive Course ที่ Royal Ballet School กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ 2020

ติดตามเรื่องราวของ The Story ได้ที่

Web : www.someonestory.co
Facebook : www.facebook.com/SomeoneStory.co/
Instagram : www.instagram.com/someonestory.co/
Youtube : www.youtube.com/channel/UCnm6Li8Brk1QCyb9lBHrMEA
Twitter : www.twitter.com/someonestoryco

About the author

+ posts

0%