‘กันต์ ชุณหวัตร’ จากนักแสดง สู่การเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์ และเจ้าของหนังสือท่องเที่ยวที่น่าติดตาม

เชื่อว่าหนังสือหลายเล่มน่าจะสร้างแรงบันดาลใจดีๆ ให้กับคนๆ หลายๆ คน สำหรับคนที่หลงรักการอ่านอย่าง กันต์ ชุณหวัตร นักแสดง ดีเจ นักเขียน ได้เล่าให้ Someonestory.co ฟังว่าหนังสือที่เป็นเหมือนคัมภีร์และแรงบันดาลใจที่ทำให้เขาอยากเขียนหนังสือที่เกี่ยวกับการเดินทางคือ ‘ดาวหางเหนือทางรถไฟ’ ผลงานของ ทรงกลด บางยี่ขัน เจ้าของหนังสือดีๆ มากมาย นอกจากนี้เขายังชื่นชอบหนังสือเรื่อง ‘สองเงาในเกาหลี’ ซึ่งเป็นผลงานของนักเขียนคนเดียวกันอีกด้วย ความชื่นชอบในการอ่าน การเขียน ทำให้วันนี้กันต์กลายมาเป็นเจ้าของงานเขียนเกี่ยวกับการเดินทางหลายเล่ม ไม่ว่าจะเป็น Tokyo Unscripted ที่เขียนร่วมกับ ไมเคิล-ศิรชัช เจียรถาวร ซึ่งออกโดยทาง Happening จากนั้นเขาก็มีผลงานเดี่ยวของตัวเองอีก 3 เล่ม ไม่ว่าจะเป็น ฉันออกเดินทางในวันที่ไม่มีแดด, ฮอกไกโดสีขาวและ I will be back ผลงานเหล่านี้นอกจากกันต์จะเขียนเอง ถ่ายรูปเอง เขายังก้าวมาเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์ ‘คนแคะ’ เพื่อพิมพ์ผลงานของตัวเองอีกด้วย

เหตุผลที่ทำให้กันต์ออกเดินทาง

มาจากที่ผมชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับการเดินทางครับ เวลาอ่านจะรู้สึกเหมือนผมได้เดินทางไปกับเขาด้วย ได้เห็นวิธีคิดและชีวิตของคนๆ หนึ่งในช่วงเวลานั้น ซึ่งมีทั้งเรื่องที่ผมเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยแต่มันสนุกมากครับ แล้วยังทำให้รู้สึกว่าถ้ามีโอกาสก็อยากเดินทางท่องเที่ยวเหมือนกัน เพราะผมอยากรู้ว่าถ้าได้ไปอยู่ตามที่ต่างๆ ผมจะรู้สึกเหมือนกับที่เขาบอกไหม

เพราะการออกเดินทางทำให้เราตัวเล็กลง

เมื่อได้ออกเดินทางมากขึ้น ทุกครั้งที่กลับมาจากการเดินทาง ผมจะมีวิธีคิดที่เปลี่ยนไป มองเห็นอะไรที่กว้างขึ้น ไม่ยึดตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง เข้าใจว่าเราตัวเล็กและโลกมันสุดยอดมากครับ นี่แหละที่ทำให้ผมเกิดแรงบันดาลใจอยากเขียนหนังสือแนวนี้ดู เผื่อว่าจะสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอ่านอยากออกเดินทางแบบเราบ้างครับ

คัมภีร์เล่มแรกของการเดินทาง

ในยุคผม ถ้ามองหาหนังสือสไตล์การเดินทางที่เป็นเหมือนคัมภีร์เล่มหนึ่ง ผมนึกถึง ‘ดาวหางเหนือทางรถไฟ’ ของพี่ก้อง-ทรงกลด บางยี่ขัน เป็นเล่มที่ผมอ่านแล้วรู้สึกว่าอยากจะออกไปข้างนอก อยากไปรูทเดียวกับพี่เขาดูบ้าง อย่างเล่มนี้เป็นการนั่งรถไฟทรานส์ไซบีเรีย ส่วนอีกเล่มที่ประทับใจมากเหมือนกันคือ ‘สองเงาในเกาหลี’ ซึ่งเป็นผลงานของพี่ก้องเช่นกันครับ

จากการเดินทางสู่เส้นทางขีดเขียน

การอ่านหนังสือทำให้ผมอยากลองเขียนหนังสือของตัวเองดูครับ ซึ่งต่อมาผมก็ได้มีโอกาสเขียนให้กับทาง Happening เรื่อง Tokyo Unscripted  ร่วมกับไมเคิล-ศิรชัช เจียรถาวร จากนั้นก็มีเขียนคอลัมน์ต่อให้เขาบ้างอีกนิดหน่อย ต่อมาผมรู้สึกสนุกเลยเขียนต่อ พอเขียนเสร็จไม่รู้ว่าจะให้ใครพิมพ์เลยทำเอง ทำให้กลายมาเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์ด้วยเลย ชื่อสำนักพิมพ์คนแคะครับ สนุกแต่ก็เหนื่อยนะ 

การเขียนที่มาพร้อมกับแพสชั่นและความสนุก

ผมเรียนรู้ว่าการเขียนงานแต่ละครั้งต้องใช้พลังเยอะ งานแบบนี้เหมือนมีก๊อกของมันอยู่ บางทีเรานั่ง 2 ชั่วโมงก็ยังเขียนไม่ได้ แต่พอลุกไปทำอะไรปุ๊บ อารมณ์มันก็มาแล้วเราสามารถเขียนไม่หยุดเลย แต่พอมันหมดแล้ว วันนั้นก็จบแล้ว ความรู้สึกแบบนี้ถามว่าสนุกไหม ก็สนุกนะครับ แต่ถามว่าเหนื่อยไหม ก็เหนื่อยเหมือนกัน แต่ที่ยังเอ็นจอยเพราะว่าเราได้เป็นคนเล่าเรื่องทั้งหมดด้วยตัวเอง หมายถึงว่าบางทีถ้าเป็นงานอื่น เช่น ถ้าทำหนังสักเรื่อง กระบวนการมันจะใหญ่ แต่พอเป็นหนังสือ เราเป็นทั้งตากล้อง ทั้งผู้กำกับ ทีมไฟ ทีมเสียง ทีมต่างๆ ในตัวคนเดียวได้ ทุกอย่างมันรวมอยู่ที่เรา เราอยากให้เรื่องมันดำเนินไปยังไง อยากส่องแสงไปทางไหน อยากให้มีเสียงยังไง รู้สึกว่ามันยังสนุกอยู่

สำนักพิมพ์ ‘คนแคะ’

ที่ตั้งชื่อสำนักพิม์ ‘คนแคะ’ เพราะการอ่านหนังสือบางเล่มทำให้เราได้แคะอะไรออกจากความคิด หรือว่าวิธีการมองโลกต่างๆ ผมหวังว่าหนังสือของสำนักพิมพ์เราจะช่วยแคะความรู้สึก ความนึกคิด หรืออะไรก็ได้ในตัวของคนที่ได้อ่านออกมาได้ครับ ตอนนี้เรามีผลงาน 3 เรื่อง ฉันออกเดินทางในวันที่ไม่มีแดด, ฮอกไกโดสีขาวและ I will be back เป็นงานของผมทั้งหมด จริงๆ ถ้าไม่ติดโควิด-19 ก็มีงานที่ผมวางแผนไว้ครับ แต่พอโควิด-19 มาเราเลยต้องหยุดไว้ก่อน

เขียนเอง ถ่ายเอง นักเลงพอ

หนังสือทั้งสามเล่มจากสำนักพิมพ์ผมเป็นคนถ่ายเองครับ และไม่มีรูปจากกล้องดิจิทัลเลย เป็นกล้องฟิล์มหมด ไม่ได้ผ่านการแก้สีด้วย ถ่ายแบบธรรมดา เรื่องการชอบถ่ายรูปของผมเริ่มจากที่เราชอบท่องเที่ยว ชอบเดินทาง แล้วเราอยากเก็บโมเมนต์ต่างๆ เอาไว้ ผมเริ่มถ่ายรูปตั้งแต่ตอนมัธยม และเริ่มเล่นกล้องดิจิทัลก่อน แต่วันหนึ่งผมได้ไปเจอกล้องของคุณตาผมเอง เป็นกล้องฟิล์มของ Nikon แมนวล 100 เปอร์เซ็นต์ แล้วยังถ่ายได้ พอมันใช้ได้เราก็เริ่มเอาไปถ่ายโดยไม่ได้หวังผลอะไร พอล้างฟิล์มม้วนแรกๆ เรารู้สึกว่าสวยจังเลย ทีนี้ผมเลยหันมาเล่นกล้องฟิล์มมากขึ้น จนทุกวันนี้ก็กลายเป็นว่าใช้กล้องฟิล์มจนเป็นนิสัยไปแล้วครับ

คุณค่าของผลงานคือการ ‘ส่งต่อ’ 

ถ้าถามผมว่าคุณค่าของงานที่ผมทำอยู่คืออะไร ผมรู้สึกว่าคือการได้ส่งต่อครับ เราได้เขียนงาน ได้เล่าเรื่องผ่านตัวหนังสือ แล้วเราก็ได้ส่งต่อความรู้สึก ส่งต่อพลังงานดีๆ ไปให้คนอ่าน ซึ่งผมหวังว่าเขาจะได้นะครับ

สัมภาษณ์: กิ่งสุรางค์ อนุภาษ

ติดตามเรื่องราวของ “SomeoneStoryco” เพิ่มเติมได้ที่

Web : http://someonestory.co

Facebook : https://www.facebook.com/SomeoneStory.co/

Instagram : https://www.instagram.com/someonestory.co/

Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCnm6Li8Brk1QCyb9lBHrMEA

Twitter : https://twitter.com/someonestoryco

About the author

+ posts
0%